793 Views |
เคยถามตัวเองไหมว่า ? ประกันสุขภาพ ซื้อเมื่อไหร่ดี อายุยังน้อยไม่ค่อยป่วยบ่อย คงไม่เป็นอะไรหรอก ที่บ้านก็ไม่มีประวัติป่วยโรคร้ายแรง รอไว้ เลข3 เลข4 อายุมากก่อนค่อยทำ หลายคนคงเริ่มมีคำถามนี้ และ ลังเลเพราะปัจจัยหลายๆอย่าง ทั้งเรื่องของแผน ประกันสุขภาพ ที่มีมากมาย อีกทั้งยิ่งอายุน้อย ก็ยิ่งลังเล เพราะมั่นใจว่าตนเอง ไม่ป่วยหนักที่ต้องใช้เงินเยอะแน่นอน
เพราะยุคนี้การ ทำประกันสุขภาพ ไว้ ก็คือความอุ่นใจ ในการใช้ชีวิต ลดความเสี่ยงเมื่อต้องเจอแจ็คพอต เป็นโรคร้ายใช้เงินรักษาตัวเยอะ ใช้เงินรักษาต่อเนื่อง จนต้องหันมามองเงินเก็บว่า "ยังมีพอไหม" การมีประกันสุขภาพ จะทำให้เราหมดกังวล กับค่ารักษาพยาบาล ที่อาจจะเกิดขึ้นได้เสมอ แบบไม่ตั้งตัว
ถึงจะสำคัญ แต่หลายคนก็ยังสับสน เกี่ยวกับการ ซื้อประกันสุขภาพ ว่าจะเริ่มซื้อเมื่อไหร่ดี
อย่างแรกที่เป็นใจความสำคัญที่สุด คือ ต้องซื้อก่อนป่วย ซื้อก่อนเป็นโรคประจำตัว บางโรคประจำตัว บริษัทรับทำแต่จะขอเพิ่มเบี้ย ที่สำคัญโรคเก่าที่เป็นมาก่อนจะไม่สามารเบิกค่ารักษาได้ การที่เรารู้ตัวว่าเป็นสิ่งเหล่านี้อยู่ แล้วมาหา ทำประกัน โดยปกปิดความจริงไว้ บริษัทสามารถสืบพบได้ หากถึงขั้นตอนนั้นแล้ว จะทำให้ประกันไม่จ่าย และ ยกเลิกสัญญาของเราไปในที่สุด
หลักการตัดสินใจต่อมา คือ พื้นฐานประกันสุขภาพที่มีอยู่ เพียงพอหรือไม่ เช่น มี ประกันสังคม หรือ ประกันกลุ่มอยู่แล้ว ก็อาจจะต้องแจ้งกับทาง ตัวแทนประกันชีวิตด้วยเพื่อจะได้ทราบพื้นฐานแบบที่มีอยู่ ตัวแทนจะช่วยดีไซต์แผนเพื่อลดค่าใช้จ่าย โดยการเลือกแผนที่เบี้ยไม่สูง ค่ารักษาไม่สูง และ มีเงินชดเชยรายได้ให้ ตามรายได้จริงเมื่อต้องแอดมิท
งบประมาณ อาจจะต้องสำรวจรายได้ เงินออมในแต่ละเดือน และ ค่าใช้จ่ายที่มีอยู่ และ สอบถามเบี้ยกับทางตัวแทน เพื่อนำกลับมาวางแผน โดยการที่ลูกค้าแจ้งงบประมาณของตนเองมาด้วย จะยิ่งเป็นผลดีต่อลูกค้าเอง หากงบสูงไป โดยที่รายจ่ายต่างๆก็รุมเร้าแล้ว อาจจะทำให้ปีต่อไปจ่ายต่อไม่ไหวก็ได้
คือ การประกันภัยที่บริษัทประกันภัย ตกลงที่จะชดเชยค่าใช้จ่าย ที่เกิดขึ้นจากการรักษาพยาบาล ของผู้เอาประกันภัย ไม่ว่าค่ารักษาพยาบาลนั้น จะเกิดขึ้นจากการเจ็บป่วยจากโรคภัย หรือ การบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ให้แก่ผู้เอาประกันภัย (ข้อมูลจาก คปภ.)
สรุปคือ หากต้องการความคุ้มครอง ค่ารักษาพยาบาล เมื่อเจ็บป่วย ตัวเลือกที่ถูกต้องคือประกันสุขภาพ ซึ่งต้องดูความครอบคลุมว่า ประกันสุขภาพตัวนั้นคุ้มครองด้านใดบ้าง เช่น ค่ารักษาผู้ป่วยใน (IPD นอนรักษาตัวใน รพ.) ค่ารักษาผู้ป่วยนอก (OPD รักษาแบบไม่นอน รพ)
แน่นอนว่าการมีประกันสุขภาพ คือ ทำให้อุ่นใจเกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาล ที่อาจจะเกิดขึ้นจากโรคที่ไม่คาดคิดได้ เหมือนมีแผนสำรองฉุกเฉินที่เตรียมพร้อมอย่างดี ทำให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างไม่สะดุด เพราะหาหมอทีก็ไม่ต้องคอยดูเงินในบัญชี เงินเก็บก็มี เงินค่ารักษาพยาบาลก็มีคนออกให้
นอกจากนี้การ ทำประกันสุขภาพลดหย่อนภาษีได้ 25,000บาทของตัวเอง รวมถึงบิดามารดา หากเรา ทำประกันสุขภาพให้พ่อแม่ สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ ตามเงื่อนไขของกรมสรรพากรด้วยเช่นกัน
เพราะพรีเซียสแคร์ เป็นการเหมาจ่ายทุกค่าที่แม้แต่ การรักษาโรคมะเร็ง ฟอกไต ผ่าตัดอวัยวะปลูกถ่ายไขกระดูก ค่ายา หรือ แม้แต่การสูญเสียของหวงจากอุบัติเหตุ ก็เบิกได้แบบเหมาๆ จะกำหนดเพียง ค่าห้องค่าอาหารค่าบริการทางการแพทย์ และ OPD ที่มีให้ทุกแผน โดยไม่ต้องซื้อเพิ่ม
ส่วน ประกันสุขภาพพรีม่าแคร์ จะกำหนดค่าอื่นๆ ในหมวดหมู่ค่ารักษา ตาม คปภกำหนดให้มี โดยจะกำหนดตั้งแต่ ค่าห้องค่าอาหารค่าบริการทางการแพทย์ ค่าผ่าตัด ค่ายา ค่าติดตามผล ค่ารักษามะเร็ง ฟอกไต อุบัติเหตุ ทุกอย่างกำหนดงบให้แบบเป็นครั้ง แต่ละครั้งหากรักษาโรคเดิมจะนับ 1 ใหม่เมื่อครบ 90วัน แต่หากเป็นโรคใหม่ จะนับ1ใหม่ ได้โดยไม่ต้องรอครบ 90วัน
เนื่องจากประกันสุขภาพ เป็น ประกันแบบจ่ายทิ้งปีต่อปี ทำให้หลายคนสงสัยว่า เมื่อไหร่ถึงควรเริ่มทำ ในความเป็นจริงแล้วประกันสุขภาพควรซื้อเลยทันที เพราะโรคภัยไม่มีใครรู้ล่วงหน้า อย่างเช่นโควิดที่ระบาดหนักที่ผjานมา หลายคนที่ติดช่วงแรก ยังอยู่ในภาวะลองโควิดมาจนถึงทุกวันนี้
ดังนั้น หากคุณต้องการความอุ่นใจ เรื่องค่ารักษาพยาบาล ไม่อยากเสียเงินเก็บที่หามาทั้งชีวิต การมีประกันสุขภาพก็ช่วยให้เรามั่นใจได้ว่า เมื่อต้องรักษาพยาบาลเมื่อไหร่ก็เบาใจ เพราะมีประกันสุขภาพ คอยดูแลค่าใช้จ่ายส่วนนี้ให้ ทำให้เราไม่ต้องกลัวว่า จะต้องนำเงินเก็บมาใช้แบบฉุกเฉิน จนค่อยๆหมดไป
เครดิตเนื้อหาบางส่วน : fwd thailand