การเลือกทำ ประกันสุขภาพ ในสมัยก่อนส่วนมาก จะเป็นแบบมาตรฐาน หรือ ที่กำหนดค่ารักษา เป็นตัวเลขในทุกหมวดหมู่ หลังๆหลายบริษัท เริ่มเน้นการขาย ประกันสุขภาพ เหมาจ่าย มากกว่าแบบเดิมแล้ว เพราะทำความเข้าใจง่าย และ งบประมาณที่ไม่ต้องกังวลจะไม่พอ หากเจอค่าผ่าตัด และ ค่ารักษาแพงๆ โดยหลักการ เงื่อนไขของประกันสุขภาพ fwd จะเหมือนทุกที่ ตาม คปภ และ กฎหมายกำหนด ซึ่งจะมีค่ารักษาเป็นหมวดหมู่ ทั้งนี้แต่ละบริษัท อาจจะให้บางอย่างที่ไม่เหมือนกัน หรือมีบ้างไม่มีบ้าง ขึ้นอยู่กับนโยบายของบริษัทนั้นๆ
ทำความเข้าใจกับ IPD และ OPD
คือ ประกัน ประเภทที่กำหนดผลประโยชน์ชัดเจนในแต่ละข้อ การป่วยนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล แต่ละครั้งใช้งบประมาณข้อไหน โดยกำหนดการใช้งบประมาณ ดังนี้
หากเข้ามานอนรักษาครั้งใหม่ที่ไม่ใช่โรคเดิม หรือ อุบัติเหตุ งบประมาณในข้อนั้นนับ หนึ่งใหม่เสมอเมื่อหาหมอ
หากเป็นโรคเดียวกันหลังจากออกโรงพยาบาลไปแล้วครั้งแรก และ กลับไปหาหมอโรคเดิมอีกภายใน 90วัน ถือว่าเป็นงบประมาณก้อนเดียวกันกับครั้งแรก หมดแล้วหมดเลย ต้องรอให้พ้น 90วัน จึงจะหาหมอโรคเดิม ยอดค่ารักษานับหนึ่งใหม่ได้
เงื่อนไขการเคลมเหล่านี้ เป็นมาตรฐานเดียวกัน ทุกบริษัท แต่ไม่ได้หมายความว่า บริษัทประกัน จะไม่จ่ายหรือเคลมไม่ได้ มาดูผลประโยชน์แบบมาตรฐานทุกบริษัทต้องมี ตามแผนประกันสุขภาพพรีม่าแคร์ ตัวอย่างแผน L ค่าห้อง 4,500 (ต้องซื้อ OPDเพิ่มเอง) ข้อดีของประกันประเภทนี้ คือใช้งบประมาณต่อครั้ง หากการรักษาตัวครั้งต่อไปไม่ใช่โรค
เดียวกัน นับ1 ใหม่เสมอ จะกี่ครั้งก็ได้ในปีนั้นๆ หากเป็นอุบัติเหตุ นับ1 ใหม่เสมอ ไม่ต้องรอ 90วัน
ข้อเสียของประกันสุขภาพแบบนี้ คือ ค่ารักษาค่าแพทย์ หรือ อื่นๆ มักจะไม่พอ เพราะหากซื้อน้อยเกินไป โรคบางโรคมีความจำเป็นต้องใช้เงินเยอะ งบประมาณจะไม่เพียงพอ ผู้เอาประกันต้องจ่ายในส่วนต่างในการรักษาแต่ละครั้ง ยังไม่พอ หากการนอนโรคเดิมครั้งต่อไป ยังไม่เกิน90วันนั้น ค่ารักษาผู้เอาประกันต้องจ่ายเองหากใช้ค่ารักษาทั้งหมด เพราะงบหมดหมดไปแล้ว จะต้องรอให้เกิน90วัน เพื่อนับยอดใหม่ เพื่อใช้ยอดครั้งใหม่
ประกันสุขภาพ แบบเหมาจ่าย
ส่วนใหญ่ ก็จะกำหนดค่าห้องต่อคืน บางบริษัทอาจจะไม่กำหนดค่าห้อง แต่ไปตัดค่ารักษาอย่างอื่นออกแทน เช่น ไม่มีค่ารักษามะเร็ง ฟอกไต โรคร้ายแรง
พื้นฐานหมวดหมูค่ารักษาก็ยังคง เริ่มต้นจากห้องค่าอาหาร ค่าบริการโรงพยาบาล เหมือนกันกับแบบมาตราฐาน โดยจ่ายตามความเป็นจริง แต่ไม่เกินสิทธิ์เช่นกัน
เช่น ในตัวอย่าง แผนค่ารักษา หมาจ่าย 1ล้าน กำหนดค่าห้อง 2,500 บาทต่อคืน OPDมีให้ไม่ต้องซื้อเพิ่ม 3,000บาทต่อปี ส่วนค่ารักษาอื่นๆที่มีทั้งหมด เหมาจ่ายตามจริง ผู้ทำประกันต้องดูเงื่อนไข ของแต่ละบริษัท ซึ่งจะแตกต่างแน่นอน แล้วแต่บริษัทประกัน จะเติมอะไรให้กับลูกค้าบ้าง อะไรไม่มีมีให้ เช่น เหมาจ่าย 5ล้าน แต่ให้ค่ารักษามะเร็ง ฟอกไต ซึ่งถือเป็นโรค ที่ใช้เงินเยอะ
ข้อดี ค่ารักษาพยาบาล ไม่ต้องรอระยะห่าง 90วัน ค่ารักษาพยาบาลกรณีผู้ป่วยใน (IPD เจ็บป่วยนอน โรงพยาบาล) ให้งบประมาณต่อปี ใช้ได้ไม่จำกัดครั้งแต่ไม่เกินงบเหมาจ่ายที่ซื้อไว้
ข้อเสีย หากงบประมาณหมดระหว่างปี การรักษาในปีนั้นครั้งต่อไปต้องจ่ายเงินเอง และ ต้องรอปีหน้า จึงจะเริ่มใหม่ เมื่อเริ่มทำประกัน จะต้องเลือก แบบประกันที่เหมาะสม เหลือใช้ดีกว่าขาดไม่พอ นะคะ
ประกันสุขภาพ เหมาจ่าย กับ แบบมาตรฐาน ต่างกันยังไง ?
สรุป เลือกทำประกันสุขภาพ แบบไหนดี
การเลือกทำประกันสุขภาพ ทั้ง 2แบบมีข้อต่างกันที่ยอดเงินค่ารักษา และ การจ่าย ส่วนการกำหนดค่ารักษาจะเหมือนกัน ขึ้นอยู่กับว่าลูกค้าต้องการความคุ้มครองแบบไหน หากมีสวัสดิการอยู่แล้ว สามารเลือกแบบพรีม่าแคร์ ทำเสริมไปกับพวกประกันสังคม ก็เหมาะสม เพราะเบี้ยจะไม่สูงมาก
ส่วนการเลือก ทำประกันสุขภาพเหมาจ่าย จะต้องเลือกให้ดีตั้งแต่แรก เพราะหากทำไปแล้ว จะซื้อเพิ่มอีกไม่ได้ จำเป็นต้องยกเลิกแล้วทำใหม่เท่านั้น เช่น ซื้อประกันสุขภาพเหมาจ่าย 1ล้านไปแล้ว อยากซื้ออีกเล่ม 1ล้านเหมือนกัน จะไม่สามารถทำได้แล้ว ดังนั้นก่อนตัดสินใจเลือก ควรคำนึงถึงการใช้งานในอนาคตด้วย เพราะหากตอนนี้เรายังไม่ป่วย ซึ่งอนาคตเราไม่สามารถหนีเรื่องนี้พ้นแน่นอน เพราะการเกิดแก่เจ็บตาย ต้องได้เจอทุกคน ช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง